ในยุคที่ข้อมูลเกือบทุกอย่างถูก digitalize (ถูกเก็บในรูปแบบดิจิทัล) ไม่ว่าจะเพื่อความสะดวกในการประมวลผล, การค้นหา และ การเข้าถึง นั้น ส่งผลให้ชีวิตของผู้ใช้งานระบบใด ๆ ก็ตามง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรูปภาพ ซึ่งสามารถเก็บไว้ดูได้นานขึ้นพร้อมกับความละเอียดที่ดีขึ้น หรือการทำงานผ่าน spreadsheet ที่สามารถช่วยให้การคำนวณต่างๆ ทำได้เร็วขึ้น และการเก็บข้อมูลอื่น ๆ ที่นอกจากจะง่ายแล้ว ยังสามารถเก็บได้ในปริมาณมาก ๆ ไว้ในอุปกรณ์ที่ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ที่ส่งผลให้การพกพาสะดวก และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนไป และ จุดนี้เองเป็นจุดที่ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถคิดวิธีหาเงินแบบแปลก ๆ ซึ่งก็คือการจับข้อมูลเราเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ผ่านโปรแกรมประสงค์ร้ายที่เราเรียกกันว่า “MalWare” ที่เป็นประเภท “Ransomware” หรือ “โปรแกรมเรียกค่าไถ่” นั่นเอง
การทำงานของ Ransomware จะมีใน 2 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกัน
การเรียกค่าไถ่แบบที่ 1. นั้นสามารถถูกแก้ไข เพื่อ bypass การ lock screen ได้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าไถ่แต่อย่างใด
แต่สำหรับแบบที่ 2. นั้น ใน Ramsomware เวอร์ชั่นใหม่ ๆ (ที่โด่งดังก็มี CryptoWall, CryptoLocker, CryptoDefense และ TeslaCrypt) ถูกพัฒนาให้ยากแก่การแก้ไข ทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้วิธีถอดรหัสไฟล์ของเราคือการจ่ายเงินให้อาชญากร (การเรียกค่าไถ่เป็นอาชญากรรม) ที่ทำการเรียกค่าไถ่เรานั่นเอง
ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึง Ransomware ในแบบที่ 2 – File Encrypting Ransomware
ส่วนใหญ่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก และ เริ่มพบในระบบปฏิบัติการณ์ Android บ้างแล้ว สำหรับระบบปฏิบัติการ อื่น ๆ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ในอนาคต
เมื่อ Ransomware เริ่มทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเครื่องเป้าหมายแล้ว จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้เพื่อเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
Asymmetric Key Encryption (การเข้ารหัสแบบที่การเข้ากับถอดรหัสจะใช้ key คนละ key หรือ Public key Encryption)
โดยทั่วไป หากเราเปรียบเทียบการเข้ารหัสกับการล็อกแม่กุญแจแล้ว คงจะไม่แปลกที่จะเห็นภาพการล็อกและปลดแม่กุญแจด้วยลูกกุญแจเพียงดอกเดียว ซึ่งการเข้ารหัสตามหลักการนี้เรียกว่า Symmetric Key Encryption ตามรูปที่ 3
Original Data คือข้อมูลปกติก่อนเข้ารหัส, Scrambled Data คือข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสแล้วไม่สามารถอ่านเข้าใจหรือใช้งานได้
โดยที่จุดอ่อนของ Symmetric Key Encryption คือการแจกจ่ายคีย์ให้กับผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจาก key ที่ถูกใช้เข้ารหัสและถอดรหัสคือ key เดียวกัน ฉะนั้นหากรั่วไหลไประหว่างการส่งหรือที่ใด ๆ ก็ตามจะส่งผลต่อความลับของข้อมูลได้
ด้วยเหตุนี้เอง Asymmetric Key Encryption จึงถูกคิดค้นมาเพื่อแก้จุดอ่อนของ Symmetric Key Encryption โดยอาศัยฟังก์ชั่นทางคณิตศาสตร์ ทำให้การเข้ารหัสและถอดรหัสต้องกระทำผ่านกุญแจ (Key) คนละตัว โดยทั้งสอง Key นี้ หากใช้อันใดอันหนึ่งเข้ารหัสแล้ว ต้องใช้อีกอันที่ถูกสร้างขึ้นมาคู่กันเท่านั้นในการถอดรหัส ซึ่งตัวใดตัวหนึ่งจะถูกเก็บเป็นความลับ เรียกว่า Private Key และอีกตัวจะเป็น Public Key ทีนี้หาก Key ที่เป็น Public ถูกเปิดเผย ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะไม่ส่งผลต่อข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสแล้ว การทำงานของ Asymmetric Key Encryption จะเป็นดังรูปที่ 4
การเข้ารหัสทั้งสองวิธีนั้น จะมีเพียง key อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องประกอบด้วย Algorithm (วิธีการในการเข้ารหัสด้วย) ซึ่งหากทั้ง 2 องค์ประกอบที่ว่านี้ มีความแข็งแกร่งแล้ว การถอดรหัสก็จะทำได้ยากมาก ๆ
Ransomware จะใช้ Asymmetric Key Encryption ในการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ โดยความยาวของ key จะมีขนาด 2048 bits ขึ้นไป (คิดง่าย ๆ 2048 bits ก็ 256 ตัวอักษร เดายากแค่ไหนคงไม่ต้องบอก) ประกอบกับ Algorithm (วิธีการในการเข้ารหัส) ที่แข็งแรงอย่างเช่น RSA
ช่องทางหลักก็จะเป็นทาง Email โดยจะเป็นข้อความในเชิงบอกว่าผู้ใช้งานกำลังประสบปัญหาบางอย่าง หากอยากแก้ไขให้โหลดโปรแกรมไปใช้, ข้อความผ่านโปรแกรม chat เนื้อหาคลายคลึงกับ Email และตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น หลอกผู้ใช้งานว่าเป็นโปรแกรม Antivirus ให้โหลดไปใช้งานได้ฟรี รวมถึงการแอบฝังมาพร้อมกับซอฟท์แวร์อื่น ๆ เช่น เกมส์ที่ผิดลิขสิทธิ์และให้ดาวน์โหลดฟรี
และเมื่อโปรแกรมที่ว่า (ซึ่งก็คือ Ransomware) ถูกสั่งให้ทำงานโดยผู้ใช้งานแล้วก็จะดำเนินการตามที่ได้กล่าวมาในข้างต้น
ในการส่งไฟล์ Ransomware ให้เหยื่อโดยตรงนั้น โจรมักจะใช้เทคนิค Double Extension ในการแปลงกายไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือ ผ่านการทำงานของ Windows ที่เรียกว่า “Hide extensions for known file types” ดังรูปที่ 5
นอกจากกลยุทธ์ข้างต้นที่เป็นการหลอกให้ผู้ใช้งานเปิดไฟล์ Ransomware ด้วยตัวเองแล้ว ยังมีแบบที่ผู้โจมตีใช้ Backdoor ที่เกิดจาก Malware ตัวอื่น ๆ หรือเข้าสู่ระบบ ด้วย Username/Password ที่คาดเดาได้ง่าย เพื่อมาทำการติดตั้งและสั่งให้ Ransomware ทำงานด้วยตัวเองอีกด้วย
ทั้งใช่ และ ไม่ใช่ เนื่องจาก Ransomware (ในปัจจุบัน) ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานเหมือน Virus หรือ Worm ที่สามารถแพร่กระจายไปตามที่ต่าง ๆ ได้ แต่หากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติด Ransomware มี การเชื่อมต่อ Mapped Network Drive, USB Storage และมีสิทธิ์ในการเขียนไฟล์ลงในพื้นที่ดังกล่าวด้วยแล้ว ก็จะทำให้ไฟล์ในพื้นที่เหล่านั้นถูกจับเป็นตัวประกันได้ด้วย เพราะ Ransomware จะควานหาทุกไฟล์ที่เครื่องที่ติด Ransomware สามารถเข้าถึงได้
แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเกิด Ransomware ที่มีความสามารถของ Virus และ Worm ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีคนไปสั่งการ สามารถที่จะทำงานได้เอง
โดยมากแล้วอาชญากรมักจะให้จ่ายเงินในตระกูล Bitcoin (ค่าเงินในโลกไซเบอร์ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนเหมือนเงินปกติทุกประการ) เพราะไม่สามารตามร่องรอยได้แม้จะรู้เลขบัญชีของอาชญากร (หากอาชญากรไม่เคยเผลอเปิดเผยซะเองไว้ที่ไหนสักแห่ง) และช่องทางอื่น ๆ ที่คล้ายกับ Bitcoin ซึ่งไม่สามารถตามรอยได้
เท่าที่ผู้เขียนได้ข้อมูลมานั้น ผู้ที่ยอมจ่ายค่าไถ่มักจะได้ข้อมูลคืนจริง เพื่อที่ว่าโจรนั้นจะได้หากินได้เรื่อย ๆแต่ก็มีบ้างที่ไม่ได้คืน
ท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจก็ต้องเป็นไปตามที่ผู้ถูกโจมตีเห็นสมควรว่าจะจ่ายหรือไม่ แต่ผู้เขียนอยากให้ข้อคิดไว้นิดหนึ่งว่า
ในกรณีที่ถูก Ransomware โจมตีได้สำเร็จแล้ว (Reactive Action) การแก้ไขสามารถทำได้ดังนี้
ในกรณีที่จะป้องกันตัวเองจาก Ransomware และ Malware อื่น ๆ (Proactive Action)
Ransomware ก็เหมือนกับ Software และ Malware อื่น ๆ ที่มีการถูกพัฒนาและเปลี่ยนแปลงการทำงานไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งบางตัวก็มีความแตกต่างจากในบทความนี้ไม่มากก็น้อย การป้องกันที่เป็น แบบ Reactive Action (เกิดเหตุก่อนแล้วจึงแก้ไขทีหลัง) นั้นก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพ ทั้งยังเสียเวลาโดยที่อาจจะไม่ได้อะไรคืนมาเลย (เพราะบางทีจ่ายเงินแล้วถอดรหัสไม่ได้ก็มี) ดังนั้นการป้องกันแบบ Proactive Action (ดำเนินการป้องกันก่อนเหตุจะเกิด) นั้นย่อมให้ผลที่ดีกว่า ตัวอย่างง่าย ๆ เกี่ยวกับ Concept การ Backup ข้อมูลที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็เป็นการป้องกันที่ให้ผลดีที่สุด ประกอบกับวิธีอื่น ๆ ที่กล่าวมาในเนื้อหาของบทความ ก็จะทำให้เราปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้
เครดิต it24hr
---------------------------------------------------------------
-พื้นที่ที่ให้บริการ ซ่อมคอมพิวเตอร์ นอกสถานที่ ซ่อมคอมพิวเตอร์ ถึงที่บ้าน
-กรุงเทพ บางแค หนองแขม ตลิ่งชัน บางบอน เอกชัย ดาวคะนอง พุทธมณฑลสายสี่ สายสาม สายสอง สายห้า ทวีวัฒนา เพชรเกษมทุกซอย ท่าพระ จรัญสนิทวงศ์ หรือฝั่งธนทั้งหมด
-สมุทรสาคร อ้อมน้อย กระทุ่มแบน สวนหลวง บางน้ำจืด มหาชัย บ้านแพ้ว สวนส้ม บางยาง หนองนกไข่ ทั้งจังหวัด
-นครปฐม ไร่ขิง อ้อมใหญ่ สามพราน ท่าตำหนัก ท่านา หมอศรี สายเจ็ด สายแปด นครชัยศรี ศาลายา บางส่วนที่ติดกับสมุทรสาครถึงตัวเมือง
400 บาท
ติดต่อ ช่างดาว 0848014430 หรือ 034472477 ได้ทุกวันไม่มีวันหยุด
บริการดี มีจรรยาบรรณ ไว้ใจได้ ไม่มีมั่ว เราซ่อมเครื่องของท่านเหมือนเครื่องของเรา
รับประกัน15วัน ถ้าอาการเดิมซ่อมฟรีครับ
--------รบกวนเพื่อนช่างที่ชอบเลียนแบบโฆษณาของผมแล้วเอาไปเปลี่ยนเบอร์โทร เป็นเบอร์ตัวเองกรุณาหยุดการกระทำเถอะครับ มีความเป็นมืออาชีพกันบ้าง 0848014430ช่างดาว -----------
หน้าที่เข้าชม | 38,630 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 30,328 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 มิ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 19 ส.ค. 2568 |
ซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงบ้าน หนองแขม
ช่างคอมพิวเตอร์เขตหนองแขม
ซ่อมโน้ตบุ๊กถึงบ้าน หนองแขม
ซ่อมคอมพ์นอกสถานที่ หนองแขม
ช่างคอมพิวเตอร์ บางบอน บางแค ทวีวัฒนา
ลงวินโดว์ถึงบ้าน หนองแขม
กู้ข้อมูลถึงบ้าน เขตหนองแขม
ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ด่วน หนองแขม